ต้นไม้แก่ขอฝนจากเมฆก้อนน้อย เจ้าเมฆน้อยตอบเพียงว่า น้ำฝนมีอยู่น้อย เกรงว่ามันจะไม่พอให้ต้นไม้แก่ได้ชื่นใจ
วันต่อมา เมฆก้อนน้อยก็ยังคงบอกเช่นเดิม มันน้อยไปฉันยังไม่พร้อมที่จะให้
เมฆก้อนน้อยจึงออกเดินทาง และพยายามสะสมฝนเพื่อให้มันมากพอที่จะทำให้ต้นไม้แก่ได้ชื่นใจ
เมื่อได้ปริมาณมากพอแล้ว เมฆน้อยจึงกลับมา แต่สิ่งที่พบข้างหน้า มีเพียงซากต้นไม้ที่ยังเหลืออยู่
เมฆน้อยได้แต่ร้องไห้ แล้วถามว่าทำไม ความพยายามของฉันไม่มีค่าเลยเหรอ?
ชายหนุ่มที่นั่งใต้ต้นไม้ จึงได้แหงนหน้ามอง แล้วบอกเมฆน้อยไปว่า
การที่เราจะให้อะไรแก่ใครสักคนที่เรารัก มันไม่ต้องรอให้มีมากพอ หรือรอความพร้อมอะไรหรอก
ให้เท่าที่มี ก็ทำให้คนรับชื่นใจแล้ว ความพยายามเป็นสิ่งที่ดี แต่มันก็มีเวลาเป็นเงื่อนไข
อย่าไปรอให้รวย อย่าไปรอให้พร้อมก่อนจึงจะลงมือทำอะไรให้คนที่เรารัก
เพราะคนที่เรารัก อาจไม่มีเวลามากพอ ที่จะรอเรา ก่อนต้นไม้แก่จะจากไปเขาฝากบอกเธอว่า “เขารักเธอมากนะ”
เมฆน้อยได้แต่หลั่งน้ำตาออกมาเป็นเม็ดฝน อย่างไม่ขาดสาย ให้กับต้นไม้ ที่ไม่มีวันแตกใบให้ได้เห็นอีก ตลอดกาล
จงทำในสิ่งที่อยากทำ ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น แต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวเรากลับเล็กลง
เรามีช่องทางสื่อสารมากขึ้น แต่ความเข้าใจกลับลดลง เรามียาใหม่ๆ มีอาหารดีๆ มากขึ้น
แต่สุขภาพกลับแย่ลง เราเดินทางได้ไกลขึ้น แต่กลับเดินไปทักทายเพื่อนบ้านน้อยลง
ดังนั้นจากนี้ไป ขอให้พวกเราอย่าเก็บของดีๆ ไว้ โดยอ้างว่า เพื่อใช้ในโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่ คือโอกาสพิเศษที่สุดแล้ว จงแสวงหาความสงบสุข
นั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชม กับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับเรื่องวุ่นวายต่างๆ
จงใช้เวลากับครอบครัวเพื่อนฝูง คนรักให้มากขึ้น กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวให้เต็มอิ่ม
เพราะชีวิตคือห่วงโซ่ของนาทีแห่งความสุข ไม่ใช่เพียงแค่การอยู่รอดไปวันๆ
เอาแก้วใบสวยที่มีออกมาใช้ เอาน้ำหอมดีๆ ที่มีอยู่มาฉีด เอาเครื่องประดับสวยๆ ที่เก็บไว้มาใส่
เอาคำพูดที่ว่า “สักวันหนึ่ง” ออกไปจากพจนานุกรม บอกคนที่เรารักทุกคนว่า เรารักพวกเขาแค่ไหน
อะไรที่จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น จงลงมือทำตั้งแต่วันนี้ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง
ทุกวันทุกชั่วโมง ทุกนาทีล้วนมีความหมาย เราไม่อาจรู้เลยว่า มันจะสิ้นสุดลงเมื่อใด