1. เลิกกลัวการทำอะไรคนเดียว
คนที่กลัว การทำอะไรคนเดียว มักจะไม่รู้จักตัวเองดีพอ เพราะการอยู่กับคนอื่นตลอดเวลา
ทำให้เราไม่มีเวลาสะท้อนตัวตน ของตัวเอง บางคนไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร? อยากทำอะไร?หากเราใช้
ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเองจริงๆ จะทำให้เรามีความั่นใจมากขึ้น ยิ่งทำให้มองเห็นเส้นทางในชีวิตชัดเจนมากขึ้นไปด้วย
มักซิมกอร์กี นักเขียนชาวรัซเซียเคยกล่าวไว้ว่า “ความเป็นอัจฉริยะ คือการเชื่อมั่นในตัวเอง และความสามารถของตัวเอง”
2. เลิกโยนความผิดให้คนอื่น
สังคมญี่ปุ่น เชื่อในแนวคิดนึงว่า “การรับผิดชอบตัวเอง ไปซะทุกเรื่อง ไม่ใช่เรื่องดี
แต่หากคนเราไม่รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แล้วใครจะมารับผิดชอบ?
อิสรภาพนั้นเกิดจากการรับผิดชอบตัวเอง รับผิดชอบสิ่งที่เราเลือกสิ่งที่เราทำในทุกๆ ก้าวของชีวิต
เมื่อคิดเช่นนี้ เราจะคิดได้ว่าตัวเอง ควรทำอะไรมากขึ้นคาดเดาอนาคตของตัวเองได้
และยังสามารถเตรียมความพร้อมกับความเสี่ยงต่างๆ ได้อีกด้วย
3. เลิกปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง
หากเราไม่แสดงความรู้สึก ที่แท้จริง ออกไป ทางหลักจิตวิทยา แล้วอีกฝ่ายจะรู้สึกถึงระยะห่าง
หรือพูดง่ายๆ ก็คืออีกฝ่าย ก็จะคบหาเราโดยไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาเช่นกันคนเรา
เปรียบเสมือน “กระจกเงา” หากเราต้องการเป็นที่ยอมรับ ของคนอื่น
เราต้องเป็นฝ่ายยอมรับ และให้ความสำคัญกับผู้อื่นก่อนด้วยความจริงใจ
4. เลิกกลัวว่าจะถูกเกลียด
ความเครียดของคนเราส่วนใหญ่ เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
โดยเฉพาะกับคนที่เราเข้าใจยาก หรือไม่เข้าใจเขามากพอ คนที่กลัวความโดดเดี่ยว
จะคิดเรื่องไม่ทำให้ตัวเองถูกเกลียดเป็นอันดับแรก
โดยไม่มีเวลาทำความเข้าใจผู้อื่นอย่างแท้จริง หากเราสามารถเข้าใจเหตุผลของความรู้สึก
หรือพฤติกรรมของผู้อื่น เราจะรู้ได้ว่าควรปฏิบัติกับเขาอย่างไร
และยังทำให้ช่วยลดความกังวลในเรื่อง ของความสัมพันธ์ได้นั้นเอง
5. เลิกใส่ใจความเห็นคนอื่นมากเกินไป
คนจำนวนไม่น้อย ที่ภายนอกดูชีวิตสวยหรู แต่เพราะอยากเป็นที่รัก ของทุกคน
จึงต้องคอยเกรงใจและเอาใจคนอื่นจนตัวเอง สุขภาพจิตเสีย มัวทำตามคนรอบข้าง เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องอยู่
คนเดียวหรือถูกกีดกันออกจากกลุ่มเราอาจจะไม่ต้องมีชีวิตที่สวยหรูแต่การยืดอกเป็นตัวเองจะทำให้เรามั่นใจ
ในตัวเองมากขึ้น จงมี “ค่านิยม” ที่เรายึดถือแล้วเราจะแยกได้ว่าอะไรคือ สิ่งสำคัญ
และไม่สำคัญกับชีวิตเรา ฟังเสียงคนรอบข้างได้ แต่อย่ามากเกินไปจนเราไม่มีความสุข
6. เลิกละทิ้งความฝันหรือเป้าหมาย
ความรู้สึกเชื่อมโยง กับหัวใจตัวเอง หรือการเชื่อมโยงกับความฝันหรือเป้าหมายของเราเอง
จะทำให้ “เราไม่คิดว่าตัวเองโดดเดียว” หากเราอยู่กับสิ่งที่เราชอบเราจะไม่รู้สึกเหงาคนที่รู้สึก
โดดเดี่ยวจึงควรหาอะไรที่ช่วยให้ใจจดจ่อทำ ซึ่งการทำสิ่งที่ชอบเป็นวิธีที่ง่าย และได้ผลดีมากๆ
ยิ่งเราทำได้ดีมันก็จะส่งผล กับความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น ดั้งนั้นจงอย่าละทิ้งความฝัน และเป้าหมายของตนเอง
7. เลิกคิดมากจนไม่กล้าลงมือทำ
คนที่คิดมาก แท้จริงแล้ว คือคนที่ไม่ได้ใช้ความคิดมากนัก
เขาแค่ยึดติดกับเรื่องๆ หนึ่งแล้ววนเวียน อยู่ในหัวตลอดเวลา เมื่อตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถแก้ไขปัญหา
หรือหาหนทางอื่นได้ จึงไม่แปลกที่เขาจะไม่ลงมือทำอะไรเลยหากเรายอมรับความจริงอย่างตรงไปตรงมา
แล้วคิดว่า “แล้วต้องทำยังไงต่อ” เรื่องที่กลุ้มจะกลายเป็นโจทย์แทน เมื่อเราค้นหาข้อมูล
จะรู้ว่ามีตัวเลือก ในการแก้โจทย์นั้นอยู่ ไม่ว่าสถานการณ์อะไรมันก็จะมีทางแก้
หรือทำให้ดีขึ้นได้เสมอ สิ่งที่สำคัญต่อมาคือ “การลงมือทำ” ให้สำเร็จนั้นเอง
8. เลิกหนีปัญหาและมองโลกในแง่ร้าย
แทนที่จะหนีปัญหาเราควรที่จะกล้า เผชิญหน้า กับมันตรงๆ
ปัญหาหลายอย่างเป็นเพียง “มโนภาพ” เช่น การคิดว่าถ้าเรื่องนู้นเรื่องนี้ เกิดขึ้นจะเป็นยังไง?
แล้วกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ปัญหานั้นอาจมี ดังนี้ แก้ได้จากการ “ถาม ตอบกับตัวเอง”
โดยคำถามที่แนะนำ ให้ทุกคน ไปฝึกถาม ตอบกับตัวเอง มีดังนี้ ทำไมถึงเกิดเหตุการนี้?
นี่เป็นเรื่องสำคัญใช่ไหม? ทำยังไงให้มันดีขึ้น? ทางออกคืออะไร? เราต้องทำอะไรให้มันดีขึ้น?
คนจำนวนไม่น้อยที่เผลอคิดในแง่ร้ายไปก่อน แนะนำให้เผชิญหน้ากับตัวเองมากขึ้นฝึกฝนจนสามารถตีความ
สิ่งต่างๆ ในแง่บวกจนเป็นนิสัย มันจะทำให้เราก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างเข้มแข็ง
9. เลิกวิตกกังวลโดยไม่มีสาเหตุ
จิตใจคนเราจะมั่นคงได้ก็ต่อเมื่อ เราควบคุมระยะห่าง
ระหว่างตัวเองกับสังคมและตัวเองกับคนรอบข้างได้ อย่างเหมาะสมและเข้าใจ
หรือบางคนอาจมีความกังวัลมากจาก “ความไม่รู้”
ก็เป็นได้ดังนั้น สิ่งที่ควรทำไม่ใช้การกังวล แต่เป็นการ “หาความรู้”
เช่น การอ่านหนังสือ เพื่อเข้าใจและเท่าทันโลกมากขึ้น สิ่งนี้จะส่งผลให้เราเลิกกลัวหรือกังวลต่อเหตุการณ์ต่างๆ รอบตัว
10. เลิกยึดติดกับความคิดของตนเอง
ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น ในอดีตล้วนมีความหมายและการเรียนรู้ จากเหตุการณ์นั้น
อาจแตกต่างกันตามกาลเวลา ในอดีตเราอาจจะเรียนรู้ จากเหตุการณ์นั้นอย่างนึง แต่ในตอนนี้เรากลับไปย้อน
มองดูอาจจะได้เรียนรู้ในมุมที่ต่างออกไปสิ่งที่อยากบอกคือ อย่าปล่อยให้ประสบการณ์
ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเหตุการณ์นึงแล้วก็ผ่านไป ให้ทำความเข้าใจ ประสบการณ์เหล่านั้น ให้มากขึ้น
และเปลี่ยนมันให้เป็นแรงก้าวเดินต่อในอนาคตได้ ต้องอาศัยรู้แบบความเข้าใจใหม่ที่เราไม่เคยมีมาก่อน
11. เลิกกลัวความเปลี่ยนแปลง
เราไม่มีทางรู้ล่วงหน้า ว่าความคิดตัวเองจะเปลี่ยนไปอย่างไร?
หรืออะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต? ดังนั้น การฟังเรื่องราวของผู้อื่นมากๆ จะทำให้เราได้เรียนรู้การใช้ชีวิตที่แตกต่างจากตนเองมากขึ้น
การรับข้อมูลมากๆ จะทำให้เราปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีสิ่งที่สำคัญไม่ใช่ “ปริมาณข้อมูล”
ที่เรารับมาแต่มันคือ “การปรับใช้” กับตัวเองให้ได้ต่างหากจึงจะทำให้ข้อมูล เหล่านั้นเกิดประโยชน์
สูงสุด ดังนั้น จงฝึกฝนเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงและใช้ชีวิตโดยไม่รู้สึกเสียใจในภายหลัง
12. เลิกหวังว่าคนอื่นจะทำให้เรามีความสุข
คนที่พูดว่า “ทำไมไม่เข้าใจกันเลย” คือคนที่อยากให้อีกฝ่าย สังเกตเห็นความรู้สึกของตนเอง
แต่อีกฝ่ายก็ไม่ใช่ยอดมนุษย์ที่จะอ่านใจใครได้ จึงทำให้เกิดความไม่ลงรอยกัน เวลาเรานึกไม่พอใจ
ว่าคนอื่นไม่เข้าใจเราให้เราลองมองย้อนตัวเองดูว่า เราได้พยายามทำให้เขาเห็นมากพอ
ที่จะเข้าใจเราหรือยัง จากนั้นให้คิดต่อว่า ทำยังไง พูดยังไง เขาถึงจะเข้าใจเรา การคิดและทำเช่นนี้
จะทำให้ปัญหาหลายอย่างคลี่คลาย และรู้จักปรับตัวเข้าหากันไปเรื่อยๆ