หญิงสาวคนหนึ่งเธอมีความเป็นทุกข์ใจหนักมาก เพราะว่าเธอนั้นแต่งงานอยู่กินกับสามีได้หลายปีแล้ว
แต่ยังไม่มีลูก พอไปพบหมอ หมอก็บอกว่าเธอนั้นมีปัญหา อาจจะมีลูกได้ยาก
หรืออาจจะไม่สามารถมีลูกได้เลย เธอจึงมาปรึกษาพระอาจารย์
ถาม : คือตัวดิฉันเองไม่สามารถมีลูกเป็นของตัวเองได้ ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะดิฉันไม่มีบุญใช่ไหมเจ้าคะ
พระอาจารย์ : มีสิโยม คนที่ไม่มีลูกจะเป็นคนที่ไม่มีบุญได้อย่างไร อาตมาบอกไว้ตรงนี้เลยว่า คนที่มีลูกนะเป็นคนที่มีกรรม ให้ลองถามเขาดูสิ
ถาม : ทำไมคนที่มีรูปถึงมีกรรมล่ะคะ
พระอาจารย์ : ก็เพราะว่าเลี้ยงลูกมันเป็นทุกข์ยังไงล่ะ เดี๋ยวลูกก็ดื้อ เดี๋ยวลูกก็ไม่เชื่อฟัง
ทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ ลูกจะไปทำอะไรให้เกิดความเสียหายขึ้นมา สุดท้ายแล้ว พ่อแม่ก็จะกลายเป็นทุกข์เปล่าๆ
พ่อแม่ก็ต้องมาคอยรับผิดชอบ คอยรับกรรมที่ลูกได้ก่อ ค่อยจ่ายเงินจ่ายค่าเสียหาย ลูกก็ไม่ใช่ของสนุกเลย
ต้องหาเงินหาทองมาให้มีใช้อยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่มีลูกก็ไม่ต้องมาหาเงินมาเลี้ยงลูกให้เหนื่อยยาก
เนี่ยเขาถึงเรียกว่าเป็นทุกข์ คนที่ไม่มีลูกหน่ะเรียกว่าเป็นคนมีบุญ เราอย่าไปมีเลยดีกว่า
ลูกล่ะเข้าใจไหม เราเป็นลูกก็ได้แต่อย่าไปมีลูกก็แล้วกัน โตไปก็บวช บวชแล้วสบายไม่ต้องมาเลี้ยงลูกให้ทุกข์
ถาม : ถ้ามีคนสองคน คนหนึ่งมีลูกแล้วอีกคนนึงไม่มีลูก คนที่มีลูกเขาก็เลี้ยงลูกไปด้วยความทุกข์
แล้วก็แก่ไปทั้งคู่ แล้วตอนบั้นปลายชีวิตคนที่มีลูกเขาได้ลูกดีก็จะดูแลพ่อแม่ยามเจ็บไข้ได้ป่วย
แต่คนที่ไม่มีลูกก็ไม่มีคนดูแล แล้วใครจะมีกรรมมากกว่ากันคะ
พระอาจารย์ : คนที่ไม่มีลูกหน่ะสบาย เพราะจะได้พึ่งตนเองได้ จะรู้จักพึ่งตนเอง
ถ้าพึ่งไม่ได้ก็จากไป ก็ไม่เป็นไรยังไงก็ต้องไปอยู่ดี แล้วก็โอกาสที่จะได้ลูกดีมันก็มีน้อยมาก โอกาสได้ลูกไม่ดีมันจะมีมากกว่า
แล้วจะมาเสียอกเสียใจมากกว่าคนที่ไม่มีลูก คนที่ไม่มีลูกเขาก็ต้องเตรียมตัวพึ่งตัวเขาเอง
เมื่อเขาไม่มีใครมาพึ่งแล้วเขาอยู่กันได้ เขาก็พร้อมที่จะไป อย่างเป็นพระนี่ก็ไม่มีลูกใช่ไหม
ก็เตรียมตัวเตรียมใจจากไปอยู่เรื่อยๆ ถึงเวลาไปก็ไป ลูกศิษย์มันจะดูแลหรือไม่ดูแลก็ช่วยไม่ได้ มันก็บังคับให้เราต้องพึ่งตัวเอง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้ว่า สิริมงคลของคนที่เป็นพ่อแม่อยู่ที่ลูก และในทางตรงข้าม
ถ้าไม่ป้องกันแก้ไขให้ดีแล้วอัปมงคลก็จะมาจากลูกนั่นเหมือนกัน
พระท่านตอบถูกแล้ว เพราะผู้หญิงคนนั้นกำลังทุกข์เรื่องไม่มีลูก พระท่านตอบแบบนี้
ก็เป็นการปลอบอารมณ์ผู้หญิงคนนั้นให้หายเศร้า ถ้าผู้หญิงคนนั้นมีลูกพระก็คงไม่ตอบในลักษณะนั้น
แต่ในส่วนที่พระท่านว่ามาก็เป็นความจริงตามแนวทางพุทธ แต่คุณไปแปลความหมายผิด
คำว่าบุญที่พระอธิบายนี้ หมายถึง “โชคดี” ไม่ได้หมายความว่ามีลูกคือการทำบาปหรือการไม่มีลูกจะได้บุญ
ในทางพุทธ การมีลูกก็เหมือนสร้างบ่วงร้อยรัดตัวเอง ทำให้มีภาระ มุมมองของพุทธจะตรงข้ามกับทางโลกเป็นส่วนใหญ่
เช่น เรื่องการมีคู่ครอง ทางพุทธก็มองว่าไม่ดี ไม่มีคู่เป็นลาภอันประเสริฐ อย่างนี้เป็นต้น
ลาภยศสรรเสริญสุข ทางพุทธก็มองว่าไม่ดี อย่าไปยึดติด แต่คนทั่วไปทางโลกจะมองว่าการมีลาภ มียศ มีคนสรรเสริญ
เป็นเรื่องดีที่ควรนิยมชมชอบ… ซึ่งใครจะเข้าใจคำสอนหรือไม่ก็ขึ้นกับปัญญาของคนๆ นั้น
คนมีกิเลสมากปัญญาน้อย ก็จะเถียงคำสอนพระพุทธองค์ เด็กบางคนเกิดมาพ่อแม่ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง
จากไม่มีเงินกลายเป็นร่ำรวย เป็นลูกที่ดี เป็นเด็กดีมีศีลธรรม ไม่ทำให้พ่อแม่เดือดร้อนใจ ได้รับการเชิดชูยอมรับจากหมู่คณะ
พ่อแม่ก็พลอยได้รับการเชิดชูไปด้วยก็มี เรียกได้ว่าเกิดมาแล้วส่งเสริมพ่อแม่ จะมีหรือไม่มีลูกสำหรับคนใช้ชีวิตทางโลก
มีทั้งข้อดีและไม่ดี แต่ถ้าจะใช้ชีวิตทางธรรม ก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ต้องมีห่วงอะไร
คนมีบุญ คือ คนที่มีความสุข อยากมีลูกก็ได้มีสมใจ หรือไม่อยากมีลูกก็ไม่มีสมดังใจ
คนที่หมดบุญ คือ คนที่ไม่มีความสุข อยากมีลูกก็มีไม่ได้ หรือยังไม่พร้อมแต่ลูกพลาดพลั้งมาเกิด
เป็นนิยามส่วนตัวของเราเอง ลูกไม่ใช่สิ่งชี้วัดว่าคนๆ นั้นก็มีบุญหรือมีความสุขมั้ย
ความรู้สึกของคนๆ นั้นต่างหากที่บ่งบอกว่าตัวเองมีบุญ (มีความสุข) หรือไม่มี
มีลูกดี เชื่อฟัง อยู่ในโอวาท กตัญญูรู้คุณ ก็ถือว่าคนมีลูกมีบุญ
ส่วนคนไม่มีลูก ยามเจ็บไข้ไม่สบาย โดดเดี่ยวเดียวดาย อันนี้ก็ถือว่ามีกรรม
แต่กลับกันหล่ะ ใครจะรู้ได้ว่า ตัวเรา จะโชคดี ได้เป็นแบบไหน
แต่อย่างไรก็ดี ปริญญาชีวิตคิดว่า มีก็ดี ไม่มีก็ดี มันแตกต่างกัน
อย่างพ่อแม่ที่มีลูกดี เค้าก็มีบุญ มีลูกคอยดูแลยามที่แก่เฒ่า มีคนคอยเป็นห่วง
แบบนี้ก็ดี เพราะฉะนั้น คำสอนนี้ เค้าแค่ปลอบใจคนที่ไม่มีลูกเท่านั้น จะได้ไม่ต้องคิดมาก