1. ลูกจะเข้าใจว่า ตอนรุ่งเรืองใครๆ ก็อยากเป็นเพื่อน ตอนตกต่ำลูกต้องเริ่มหาเพื่อนใหม่
2. ตอนที่ลูกทำดีน้อยคนที่จะสนใจ แต่ตอนที่ลูกทำพลาดแม้ยืนหายใจอยู่เฉยๆ ก็ผิด
3. ฟ้ามีเวลามืด คนมีโอกาสเปลี่ยน 30 อาจเป็นน้ำใจ 70 อาจเป็นเสแสร้ง ทางยังอีกไกล
อย่าเพิ่งตัดสินใจ เพราะไม่แน่เสมอไปว่าใครจะเป็นผู้กำเส้นชัยไว้ในมือ
4. เพื่อนดีๆ บางคน หายไปจากชีวิตลูกโดยที่ลูกก็ไม่มีทางเข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร
5. เพื่อนบางคน เมื่อก่อนคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไร
6. คนบางคนพอได้รู้จัก ก็ไม่อยากรู้จักมากไปกว่านี้อีกแล้ว
7. เวลาเจอเรื่องแย่ๆ ให้บอกกับตัวเองว่า ” ช่างเถอะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
8. บางครั้ง ที่ฟังเพลงไม่ใช่ว่าเพลงมันเพราะ แต่เพราะมันเหมือนช่วงเวลาในชีวิตที่กำลังเจออยู่
9. คนที่เคยสนิทกันมากเพียงใด แค่เข้าใจผิด มันก็กลายเป็นคนแปลกหน้าไปทันที
10. หากลูกไม่เคยประสบเรื่องราวนั้นมาด้วยตนเอง ก็ไม่ควรตัดสินคนอื่นด้วยอคติ
11. สังคมทุกวันนี้ คนสนใจเรื่องของลูกมีมาก แต่คนที่ใส่ใจลูกมีน้อย
12. คนที่คอยซ้ำเติมลูกมีมาก แต่คนที่คอยดึงลูกขึ้นมามีน้อย
13. คนที่หัวเราะเป็นเพื่อนลูกมีมาก แต่คนที่ปลอบใจลูกมีน้อย
14. เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง ลูกจะรู้จักถนอมคนส่วนน้อยในชีวิตเหล่านี้ไว้ให้ดี
วันหนึ่งลูกจะรู้ว่าคุณค่าของชีวิตไม่ได้วัดกันที่รถคันใหญ่ หรือกระเป๋าแบรนด์เนม
แต่มันวัดกันที่ “ความรับผิดชอบ” และ “สามัญสำนึก
ความสำเร็จวัดกันที่ “ศักยภาพในการดูแลครอบครัว” ไม่ใช่ “จำนวนเงินที่หามาได้”
ลูกต้องเรียนรู้ว่าเมื่อลูกอายุมากขึ้น ลูกไม่ได้เหลือเพื่อนน้อยลง
เพียงแค่ลูกชัดเจนขึ้น ว่าใครคือเพื่อนของลูกจริงๆ
มีคนมากมาย ที่อยากได้ประโยชน์จากลูก แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่อยากให้ประโยชน์กับลูก
ไม่กี่คนเท่านั้น ที่อยากให้ลูกได้ดี เห็นลูกมีความสุข มีความสำเร็จในชีวิต คนเหล่านี้แหละ ที่ลูกควรแคร์ และต้องถนอมรักษาไว้ให้ดี