ทุกคนเกิดมามีต้นทุนในชีวิตที่แตกต่างกัน บางคนเกิดมาในบ้านที่ร่ำรวย
บางคนเกิดมาในบ้านที่ยากจน แต่สิ่งที่จะทำให้คนเราประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่จุดเริ่มต้นว่าใครมีมากกว่า
แต่อยู่ที่ความพยายาม และความมุ่งมั่นที่จะทำมันให้สำเร็จ มุมมองและความคิดก็เป็นสิ่งสำคัญ
ที่ทำให้เส้นทางเดิน ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความคิดของพ่อค้าคือเลือกกำไรชิ้นละ 30 บาท
แต่ขายได้วันละ 100 ชิ้น ความคิดของนักธุรกิจคือเลือกกำไรชิ้นละ 5 บาท แต่ขายได้วันละ 1,000 ชิ้น
ความคิดของนักลงทุน คือเลือกกำไรชิ้นละ 1 บาท แต่ขายได้วันละ 100,000 ชิ้น
ในการทำงานของพ่อค้า ต้องอดทนตื่นเช้า ซื้อของเตรียมของ ตั้งแต่ไม่ทันรุ่งสาง
ยืนลวกก๋วยเตี๋ยววันละ 8-10 ชั่วโมง เพื่อให้ได้กำไรวันละ 3,000 บาท
ในการทำงานของนักธุรกิจ เขายอมเสียเงินจ้างมืออาชีพมาลวกก๋วยเตี๋ยว
โดยที่ตัวเองไม่ต้องเหนื่อยยืนทำเอง ลดกำไรลงวันละ 500-1000 บาท ในการจ้างคนทำงานแทน
เพื่อที่เขาจะได้มีเวลาหาช่องทางเปิดสาขาที่ 2-3-4 ต่อไป
ในการทำงานของนักลงทุน เขายอมที่จะทุ่มเงินจำนวนมหาศาล ให้กับบุคลากรมืออาชีพ
การตั้งค่าระบบการทำงานเสียเงินจ่ายค่าโฆษณา เพื่อสร้างแบรนด์ ให้เป็นที่รู้จัก
และสร้างมูลค่าให้กับสินค้าของตัวเอง จากนั้นก็ขยายสาขาไปทั่วโลก
ในชีวิตจริงพ่อค้า ต้องปิดร้านยอมขาดรายได้ เพื่อที่จะพาลูกไปสมัครเรียน หรือร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนกับลูกในวันสำคัญ
ในชีวิตจริงนักธุรกิจ สั่งงานผ่านผู้จัดการสาขา คอยดูแลกิจการ
โดยรวมไม่ต้องไปลงมือทำเอง มีเวลาว่าง แต่ก็ยังต้องคอยดูงานอยู่เรื่อยๆ
ในชีวิตจริง นักลงทุนไปเที่ยว ในที่ที่อยากไป นั่งจิบกาแฟริมทะเล แต่ก็ยังมีเงินเข้าบัญชีเรื่อยๆ
เพราะมีทั้งระบบที่ดี และบุคลากรคุณภาพ คอยดูแลธุรกิจให้ตลอด
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า “คนจนต้องออกไปทำงานทุกวันเพื่อแลกกับเงิน
ในขณะที่คนรวยแค่จ้างคนเก่ง มีความสามารถมาทำงานเพื่อหาเงินให้ตัวเองใช้
ลองมองไปรอบๆ จากที่เห็นที่ได้ยินมา หรือในแวดวง ธุรกิจจะรู้ว่ามหาเศรษฐีหมื่นล้านในบ้านเรา จบป.4
แต่มีลูกน้องเป็นด็อกเตอร์ แทบจะทั้งนั้น อยากเปลี่ยนจากพ่อค้าเป็นนักธุรกิจ หรืออยากเปลี่ยน จากนักธุรกิจ
เป็นนักลงทุนไม่ยาก ไม่ต้องเปลี่ยนอาชีพไม่ต้องเปลี่ยนอะไร แค่เปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยนแล้ว
หากเรายังใช้ชีวิตเดิมๆ อยู่กับความคิดเดิมๆ ชีวิตก็คงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
แต่หากเราลองเริ่มต้น เปลี่ยนที่ความคิด ยังไง ชีวิตก็ต้องเปลี่ยนไปแน่นอน