ทุกสิ่งทุกอย่างของสิ่งๆ หนึ่ง ล้วนมีทั้ง บวกและลบ อยู่ที่วิธีการใช้

ทุกสิ่งทุกอย่างของสิ่งๆ หนึ่ง ล้วนมีทั้ง บวกและลบ อยู่ที่วิธีการใช้

ชีวิตแต่ละคน ต้องผ่านร้อน ผ่านหนาว นับครั้งไม่ถ้วน ทั้งเรื่องดีและไม่ดี

ทั้งกระทำและโดนกระทำ พบทั้งความสำเร็จและความผิดพลาด

มีอารมณ์มากมายต่างๆ มากระทบ เกิดขึ้นในตัวเรา ทั้งร้ายและดี

ถ้าเป็นอารมณ์ด้านดี (แง่บวก) นั่น ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวล

แต่ถ้าเป็นอารมณ์ด้านร้าย (แง่ลบ) นี่คือสิ่งที่กังวลยิ่งกว่า

โดยปกติแล้ว คนเราจะรับและรู้สึกไปกับเรื่องแง่ลบได้ง่ายกว่าแง่บวก

อารมณ์แง่ลบ มันจะทำให้เรารู้สึกฝั่งใจ หดหู่ ไปกับเรื่องราวแย่ๆ อยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง แล้วก็หายไป

ซึ่งจริงๆ แล้วความรู้สึกแย่ๆ มันไม่ได้หายไปไหน มันยังถูกเก็บไว้ อยู่ในส่วนลึกๆ ของจิตใจ รอวันปะทุขึ้นอีกครั้ง

และเมื่อเจอเรื่องราวที่คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นอีก จิตใจของเราก็จะเอาความรู้สึกที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กลับเข้ามา

ให้เรารู้สึกอีกครั้ง ทำให้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นครั้งใหม่นี้ เรารู้สึกไปกับมันมากขึ้นกว่าเดิม

ถ้ามันเกิดเรื่องราวแบบนี้ซ้ำๆ มากเข้าๆ ฝั่งในใจเรา จนกลายเป็นปมที่แก้ไม่ออก

ไม่นานร่างกายเราก็จะเริ่มแสดงอาการ หลักๆ อยู่ด้วยกัน 2 แบบคือ

1. ชินชา ไม่สนใจ ไม่ทุกข์ร้อนอีกต่อไป

2. แสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีออกมาทั้งกับตัวเองและรอบข้าง เพราะจิตใจเราเริ่มคิดว่า

นี่คงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ใครๆ ก็ทำกัน ไม่คิดว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องที่ผิด ไร้ความรู้สึก

ยกตัวอย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆ จากในข่าวหรือในละคร เช่น อย่างในละครที่พึ่งจบไป

เรื่อง เนื้อใน ของตัวละครที่ชื่อว่า เข็มเพชร มีอยู่ฉากหนึ่งหลังจากเข็มเพชรฆ่ าสามีของเพื่อนสนิท

แล้วพูดกับตัวเองว่า “สิ่งที่เธอทำนั่น ไม่ใช่เรื่องที่ผิด”

ถ้าเราเป็นคนอื่นที่มองดูเข็มเพชร หรือตามหลักทางศาสนา การฆ่ าสัตว์ ตัดชีวิตคือเรื่องที่ผิด อย่างปฏิเสธไม่ได้

แล้วทำไม เข็มเพชร เชื่อว่าสิ่งที่เธอทำคือสิ่งที่ถูกล่ะ เราลองย้อนกลับไปในอดีต

เข็มเพชรมีปมอะไรบ้างที่เกิดขึ้น โดยจุดเริ่มต้นมาจาก ความรักในครอบครัว

ถูกปลูกฝั่ง จากการเห็น ได้ยิน การกระทำ พฤติกรรมของคนในครอบครัวที่แสดงต่อเธอ จนผูกเป็นปม

เมื่อเกิดมากขึ้นๆ เรื่อยๆ (ซ้ำๆ และสม่ำเสมอ) ทับถมมากขึ้น จนปมแก้ไม่ออก ร่างกายกจะเริ่มแสดงพฤติกรรมออกมานั่นเอง

ถามต่อไปอีกว่า ปกติคนเราเมื่อเจอเชือกที่ผูกเป็นปม เราจะเลือกที่จะตัด หรือ แก้ทีละปมล่ะ

ส่วนใหญ่คนเราจะเลือกที่จะตัดปมนั้น เพราะมันเร็วและไม่เสียเวลา ไม่ยุ่งยาก

การตัด คือการทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เชื่อมอยู่ติดกัน ขาดออกจากกัน

เปรียบเสมือน ถ้าเชือกคือจิตใจ สิ่งที่มากระทบจิตใจคือ ทำให้เกิดเป็นปมเชือก

สิ่งที่มากระทบมากขึ้นๆ คือ ปมเชือกที่ผูกเยอะขึ้นๆ กลายเป็นปมใหญ่ขึ้น และกรรไกรก็คือ ร่างกาย

กรรไกรพยายามจะตัดปมเชือกออก สิ่งที่เกิดขึ้น คือ เมื่อร่างกายและจิตใจ ตัดขาดออกจากกัน

ก็จะนำไปสู่พฤติกรรมรุนแรงที่แสดงออกมา นั่นเอง ทันทีที่มันขาดออกจากกัน

แม้เราพยายามต่อกลับให้เป็นเหมือนเดิม มันก็จะยังเหลือร่องรอยของบาดแผลนั้นเอาไว้

หรืออาจจะต่อกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก ในทางกลับกัน ถ้าเราเลือกที่จะแก้ปม

แม้ใช้ระยะเวลาที่นานและอดทน ในการแก้ทีละปม แต่ผลที่ออกมาคือ ดีที่สุด

ในทางกลับกัน ถ้าปมเชือกนั่น คือ ปมแง่บวก มันจะส่งเสริมให้เรา แข็งแกร่ง แข็งแรง ส่งเสริมตัวเรา ในทางที่ดีขึ้น

1. จุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เกิดจากจุดเล็กๆ เสมอ ผ่านการบ่มเพาะ ซ้ำๆ

ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ หรือความล้มเหลว หรือแม้แต่การกระทำที่รุนแรงหรือไม่รุนแรง

2.ครอบครัว เป็นหน่วยย่อยทางสังคมที่เล็กที่สุด แต่สำคัญที่สุด เช่นกัน

บ่อเกิดของนิสัยพฤติกรรม และความคิด เริ่มต้นมาจากครอบครัวทั้งนั้น

3.อย่ายอมแพ้ ให้กับปมด้านลบ ในบางครั้งถ้าไม่มีใครที่ช่วยเราได้

อย่าลืมว่า เรามีศาสนาอยู่ติดตัวตั้งแต่เกิด ลองนำจิตเข้าไปพึ่ง

ส่วนร่างกายคือ กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพบจิตแพทย์ที่เราไว้ใจ

4.มองตัวเราหน้ากระจก ยิ้มออกมาจากใจจริง คนในกระจกยิ้มให้เราอยู่น่ะ

5.เราทุกคนเกิดมาเป็นคนดี เราไม่ได้ทำอะไรผิด ตั้งแต่ที่เราเกิดมา

แต่สังคม สิ่งแวดล้อม คือสิ่งที่หล่อหลอมเราให้เป็นตัวเรารูปแบบต่างๆ ขึ้นมา

6.เมื่อเราเรียนรู้ที่จะผูก เราก็ต้องเรียนรู้วิธีแก้ เช่นกัน

7.เชือก ถ้าใช้อย่างมีประโยชน์ก็จะเกิดคุณค่ามากมาย แต่ถ้าใช้ผิด ก็จะเกิดผลร้ายเช่นกัน

ทุกสิ่งทุกอย่างของสิ่งหนึ่งสิ่ง ล้วนมีทั้ง บวกและลบ อยู่ที่วิธีการใช้

8.ทุกอย่างมีทั้งบวกและลบ อย่าสุดโต่ง หรือหย่อนยาน จนเกินไป ทางสายกลางย่อมดีที่สุด