เด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง มักจะบ่นกับใครๆ เสมอว่า ตนเองนั้นช่างอาภัพ
เกิดมายากจนวันหนึ่ง ชายชราได้ถามเขาว่า “พ่อหนุ่ม ทำไมดูเธอเหมือนไม่มีความสุขเลย?”
“ผมไม่เข้าใจ ทำไมผมถึงจน” เด็กหนุ่มตอบ
“จนเหรอ? เธอรวยต่างหากล่ะ” ชายชราตอบ
“คุณตาเอาอะไรมาพูด ผมเนี่ยนะรวย ดูจากตรงไหนครับ?” เด็กหนุ่มย้อนถามด้วยความสงสัย
“หากมีคนมาขอซื้อนิ้วเธอหนึ่งนิ้ว และให้เงินเธอนิ้วละ 1 พัน เธอจะขายไหม?”
“จะบ้าเหรอครับ ใครจะขายเล่าครับคุณตา” เขาตอบออกไปเสียงดัง
“สมมุติว่ามีคนมาขอซื้อมือของเธอ ข้างละ 1 หมื่น เธอจะขายไหม?” ชายชราถามต่อ
“ไม่ขายครับ”
“สมมุติมีคนมาขอซื้อลูกตาของเธอ ข้างละแสน เธอขายไหม?” ชายชราถาม
“ไม่ขาย”
“สมมุติมีคนสามารถทำให้เธอกลายเป็นคนแก่อายุสัก 80 แล้วให้ค่าจ้างเธอ 1 ล้าน เธอจะเอาไหม?”
“ไม่เอาครับ”
“สมมุติมีคนมาขอซื้อชีวิตของเธอ ให้เธอต าย ณ เวลานี้ แล้วให้ค่าจ้างเธอ 10 ล้าน เธอจะเอาไหม?” ชายชราถาม
“โธ่คุณตา เป็นคุณตาจะเอาไหมล่ะ? เป็นผม ผมไม่เอาด้วยหรอกครับ”
“นี่ยังไงล่ะที่ตาบอกว่าเธอรวย ตอนนี้ตัวของเธอมีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านเลยนะ แล้วเธอจะบ่นไปทำไมว่าเธอยากจน”
ชายชราหัวเราะแล้วก็เดินจากไป
เด็กหนุ่มได้ฟังดังนั้น ก็เข้าใจในทันทีหากเช้านี้คุณตื่นมาแล้วพบว่า ร่างกายของคุณยังแข็งแรงสมบูรณ์ดี
คุณโชคดีกว่าคนที่เพิ่งพบเจอกับอุบัติเหตุ แล้วเสียชีวิตไปเมื่อคืนหากคุณไม่ได้เกิดมาอยู่ในบ้านเมืองที่เข่นฆ่ าล้างเผ่าพันธุ์
คุณไม่ใช่คนที่ถูกจับไปตัดแขนตัดขา เพื่อส่งไปเป็นขอทานตามที่ต่างๆ ถูกทารุณอย่างเหี้ยมโหด
กินไม่อิ่ม นอนไม่พอ ร่างกายซูบผอม แม้แต่เสียงร้องไห้ก็ยังไม่กล้าให้เล็ดลอดออกจากปากตัวเอง
คุณคือผู้โชคดีหากบัญชีธนาคารยังมีเงินฝาก ในกระเป๋ายังมีเงินอยู่ คุณเป็นคนมีเงินมากกว่าคนอีก 8% ทั่วโลก
หากคุณยังมีพ่อแม่ครบทั้ง 2 ท่าน และท่านทั้งสองก็ร่างกายแข็งแรงดี คุณเป็นคนจำนวนน้อยในโลกใบนี้
ที่อยู่พร้อมหน้าทั้งพ่อแม่ลูก ซึ่งคนจำนวนมากเหลือแค่พ่อหรือแม่ หรือเหลือแค่พี่น้องเท่านั้นเองเธอเอ๋ยจงรู้ไว้เถิด
ความคิดกำหนดชะตาชีวิต มุมมองกำหนดคุณค่าของชีวิต เธอไม่ได้จนอะไรเลย เธอนั่นแหละคนรวย