ช่างแกะสลักคนหนึ่ง ต้องการหิน เพื่อนำมาแกะสลักพระพุทธรูป จึงได้ออกเดินทางตามหาหินที่ดูสวยงาม
และแข็งแรง เพื่อนำมาแกะเป็นองค์พระพุทธรูป ช่างได้ตามหาหินอยู่หลายวัน จึงพบหินใหญ่สองก้อน
ทำการขนกลับมาที่บ้าน เช้าวันรุ่งขึ้นช่างแกะสลักได้ลงมือแกะสลักหินทั้งสองก้อน
โดยช่างแกะสลักได้เดินไปที่หินก้อนแรกแล้วถามว่า ข้าจะแกะเจ้าเป็นให้เป็นพระพุทธรูป
เจ้าต้องการไหม หินก้อนแรกก็ตอบว่าได้ ช่างแกะสลักจึงได้เริ่มลงมือแกะสลักหิน ตอกไปหนึ่งครั้ง
หินก็ร้องโอ๊ย สองครั้งสามครั้งก็โอ๊ยๆ ๆ จนเจ้าหินก้อนแรกก็บอกว่า ข้าไม่ไหวแล้วมันเจ็บข้าทนไม่ได้หรอก
เมื่อได้ยินดังนั้นช่างแกะสลักก็เดินไปที่หินก้อนที่สอง แล้วถามเหมือนกันว่า ข้าจะแกะเจ้าเป็นให้เป็นพระพุทธรูป
เจ้าต้องการไหม หินก้อนที่สองตอบว่า ได้…!! ช่างแกะสลักก็ลงมือแกะ ตอกหินลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ครั้งแล้วครั้งเล่า หินก้อนที่สองไม่มีเสียงบ่นแม่แต่น้อย จนกระทั่ง แกะเสร็จ เป็นพระพุทธรูปที่งดงาม
จากนั้นช่างแกะสลักก็นำหินก้อนที่สองที่ถูกแกะสลักเป็นพระพุทธรูป ไปตั้งไว้ที่ภูเขาในหมู่บ้าน
ผู้คนต่างเดินทางไปไปกราบไหว้ขอพร เยอะแยะมากมาย หินก้อนที่ถูกแกะสลักเป็นพระพุทธรูป
สามารถทนต่อ แรงตอก แรงอัด แรงกระทบ จึงทำให้ช่างสามารถงัดแงะ
แกะออกมาเป็นงานที่ปราณีตสวยงาม อย่างพระพุทธรูป ให้ผู้คนได้กราบไหว้ได้
ส่วนหินก้อนแรกนั้นช่างแกะสลักได้แกะเป็นบันได แล้วนำไปไว้ที่ทางเดินขึ้นเข้า
หินก้อนแรกที่ไม่มีความอดต่อ แรงตอก แรงอัด แรงกระทบ ได้มากพอ
ก็ไม่สามารถถูกแกะสลักเป็นงานที่ปราณีตแบบพุทธรูปได้ จึงถูกแกะสลักแบบหยาบๆ
กลายเป็นบันไดที่ให้ผู้คนใช้เดินทางขึ้นเขาไปกราบไหว้พระพุทธรูป
เหมือนกับชีวิตคนเรา ถ้าเราสามารถทนรับแรงกดดัน ต่อสู้กับปัญหาต่างๆ อุปสรรคต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้มากพอ
ปัญหาเหล่านั้นก็จะหล่อหลอมให้เราเป็นคนที่มีความสามารถ มีคุณภาพ ให้ผู้คนเคารพนับถือ