เรื่องเริ่มขึ้นตอนเมื่อผมยังเล็ก ผมเกิดในครอบครัวยากจน จนมากขนาดที่ว่าต้องอดข้าวบ่อยๆ
เมื่อไหร่ก็ตาม เมื่อถึงเวลากินข้าว แม่จะแบ่งข้าวให้ผมเพิ่มขึ้นอีก
พร้อมทั้งพูดว่า “ ลูกต้องกินข้าวเพิ่มขึ้นนะ ส่วนแม่ไม่ค่อยหิว ” นี้เป็นครั้งแรกที่แม่โกหก
เมื่อผมเติบโตขึ้น คุณแม่เพียรพยายามหาเวลาว่างไปตกปลาในแม่น้ำ เพื่อว่าผมจะได้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของผม
แม่ต้มปลาที่ตกมาได้ ทำเป็นซุปให้ผมกิน ในขณะที่ผมกินแกงต้มปลา แม่จะกินแค่หัวปลา ให้ผมได้กินแค่ส่วนตัว
และส่วนเนื้อปลาไปแล้ว ผมพยายามแบ่งเนื้อปลาให้แม่ แต่แม่ปฎิเสธทันควัน
พร้อมกับกล่าวว่า “ ลูกกินเถอะ แม่ชอบกินหัวปลา ” นี่เป็นครั้งที่สองที่แม่โกหกผม
เมื่อผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม เราต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น แม่ต้องหารายได้พิเศษด้วยการหาอาชีพเสริม
บางครั้งผมตื่นขึ้นมา ตอนตี 1 หรือตี 2 ผมยังเห็นแม่กำลังทำงาน
“ แม่ครับ…นอนเถอะครับมันดึกมากแล้วพรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานอีก ”
แม่ยิ้มกับผมพูดว่า “ ลูกนอนต่อก่อนนะ แม่ยังไม่เหนื่อย แม่นอนไม่หลับ ” นับเป็นครั้งที่สาม
ตอนเมื่อใกล้จบชั้นมัธยม ผมต้องไปสอบเป็นวันสุดท้าย
แม่อุตส่าห์หยุดงานไปเป็นเพื่อนและเพื่อเป็นกำลังใจให้ผม มันเป็นวันที่แดดร้อนมากๆ
แม่ต้องรอผมอยู่หลายชั่วโมงเมื่อผมทำข้อสอบเสร็จ รีบออกมาหาแม่
เห็นแม่เหงื่อท่วมตัว แต่ท่านกลับรินน้ำเย็นที่เตรียมมาให้ผมดื่ม
ผมเห็นแม่รู้สึกเหนื่อย และร้อน จึงขอให้แม่ดื่มน้ำก่อน
แม่พูดขึ้นว่า “ ลูกกินเถอะ แม่กินไปแล้ว ” นั่นเป็นครั้งที่สี่ที่แม่โกหกผม
ยิ่งนานวัน ค่าใช้จ่ายในบ้านยิ่งเพิ่มขึ้น คุณแม่ที่น่าสงสารต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว
แต่ก็ยังไม่ค่อยเพียงพอไม่ว่าคุณแม่จะพยายามมากขึ้นเพียงไร คุณลุงที่อยู่ข้างๆ บ้านท่านเป็นคนดี
พยายามมาช่วยเหลือครอบครัวเราเสมอ เช่น ช่วยซ่อมบ้านที่ผุพัง ฯลฯ
เพื่อนบ้านเห็นครอบครัวลำบากมาก ก็แนะนำให้แม่แต่งงาน ใหม่ แต่แม่ไม่เห็นด้วย
แม่พูดกับผมว่า “ แม่มีลูกอยู่ทั้งคน แม่ไม่ต้องการความรักอีก ” แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ห้าแล้ว
ในทื่สุดผมก็เรียนจบและมีงานทำ ผมอยากให้แม่ที่ทำงานหนักมาตลอดได้พักผ่อนบ้าง
ผมจึงไปทำงานในตัวเมือง และส่งเงินมาให้แม่ใช้ แต่แม่ไม่ยอมหยุด กลับไปตลาดทุกเช้า
ขายผักที่หามาได้ เพื่อเลี้ยงชีพ ทั้งๆ แม่ ไม่ค่อยยอมรับเงินผม บางครั้งยังส่งเงินกลับคืนให้ผมอีก
แม่พูดกับผมว่า “แม่มีเงินพอใช้แล้ว ลูกควรเก็บเงินไว้สร้างฐานะ ” แม่ไม่พูดความจริงกับผมเป็นครั้งที่หกแล้ว
เพื่ออนาคตที่ก้าวหน้า ผมตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทด้วยทุนของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง
เมื่อผมเรียนจบก็ได้งานทำที่นั่นและมีเงินเดือนค่อนข้างสูง เมื่อทำงานไปได้สักพัก
ผมอยากให้แม่ผมมาอยู่กับผมที่ในตัวเมือง เพื่อว่าแม่จะได้หยุดทำงาน พักผ่อนให้สบายในบั้นปลายของชีวิต
แต่แม่ผมไม่อยากรบกวนผม…บอกผมว่า “ แม่ไม่คุ้นเคยกับชีวิตต่างที่ ” ครั้งที่ 7 แล้วซินะที่แม่โกหกผม
เมื่อแม่แ ก่ตัวลงไปเรื่อยๆ ในที่สุดแม่ก็ป่วยต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
ผมลางานแล้วรีบบินกลับมาหาแม่สุดที่รักทันที แม่ผมนอนพักฟื้นอยู่บนเตียง
เมื่อผมไปถึง น้ำตาผมไหลอาบแก้ม เมื่อเห็นแม่ซึ่งผ่ายผอมดูโทรมลงอย่างมาก
แม่รู้สึกดีใจมากที่เห็นผม พยายามยิ้มอย่างสดชื่น ด้วยความลำบาก
ผมรู้ดีว่าแม่ได้ฝืนยิ้มด้วยความเจ็บปวดจากโรคมะเร็ง ที่ลามไปทั่วทั้งตัว
ผมโอบกอดแม่ พร้อมกับร้องไห้ด้วยความสงสาร หัวใจผมในขณะนั้นเศร้าหมองและเจ็บปวดอย่างที่สุด
แม่พยายามปลอบผมด้วยเสียงที่แหบพร่า และสั่นเครือ “ ลูกรักของแม่ เห็นหน้าลูกแม่ก็ดีใจแล้ว ” นี่เป็นครั้งที่ 8
และเป็นครั้งสุดท้าย ที่แม่โกหกผม แม่ที่ผมรัก และบูชามาตลอดชีวิตได้ปิดตาลง
และจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังจากที่เธอกล่าวคำโกหกครั้งสุดท้ายจบลง