1. อย่าไปสนใจเรื่องการอโหสิกรรมมากเกินไป ถ้ายังไม่พร้อมก็ให้ละไว้
อย่าไปย้ำคิดย้ำทำ หยุดพูดสิ่งไม่ดีหยุดทำสิ่งไม่ดี เมื่อใจยังให้อภัยไม่ได้ ก็ขอให้แขวนทุกอย่างเอาไว้ก่อน
2.ที่อโหสิกรรมไม่ได้ เพราะจิตใจยังไม่ปล่อยวางเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง พูดง่ายๆ ว่า
ยังจับสิ่งที่ผ่านไปแล้วมาคิดปรุงแต่งซ้ำๆ อภัยวันนี้ พรุ่งนี้คิดอีกก็โกรธอีก
พอโกรธแล้วนึกได้ ก็ให้อภัยแล้วก็โกรธอีก เพราะแท้จริงแล้วใจยังยึดมั่นถือมั่นอยู่นั่นเอง
3.ยอมรับให้เรายอมรับกับใจของเราไปตามจริง ว่า แท้จริงลึกๆ เราจะโกรธ ยังรู้สึกไม่ดีกับเขาอยู่ ให้รู้ว่า
นี่คืออาการปกติของคนเราไม่ใช่เรื่องแปลก ทุกคนก็เป็นแบบนี้มากบ้างน้อยบ้าง เราไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว
และอย่าไปถามหาเหตุผล ขอให้จำไว้ว่า เมื่อคิดจะให้อภัยใครแล้ว ก็อย่าไปถามหาเหตุผลถูกผิด
4. ทำใจสบายๆ มองฟ้า มองดิน มองสิ่งต่างๆ ด้วยใจเบิกบาน
ทำความเข้าใจตระหนักให้ชัดเจนว่า สิ่งต่างๆ ได้เป็นอดีต และมันได้ผ่านพ้นไปแล้ว
5. มองเขามองผู้อื่นเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ต า ย มองทุกคนด้วยความรัก
มองว่าเขาก็มีเ ลื อ ด มีเนื้อ มีเจ็บช้ำน้ำใจ ดีใจเสียใจเหมือนเรา
6. มองตัวเองว่า เราเองก็เคยทำผิดพลาดมาก่อน เราเองก็ไม่ได้ดีไปทั้งหมดและเราก็เคยทำให้คนอื่นเสียใจเหมือนกัน
7. มองความดีของผู้ที่เราโกรธ มองในมุมที่เป็นข้อดีของเขา
มองอย่างเปิดใจจนสามารถยอมรับ และชื่นชมในความดีของเขาได้
8. ฝึกเมตตาต่อผู้อื่นคน สัตว์ สิ่งต่างๆ รอบตัว พยายามมองโลกนี้ด้วยใจที่อ่อนโยน
อยู่กับโลกนี้ทำกับโลกนี้เหมือนโลกนี้เป็นดอกไม้ที่บอบบางควรค่าแก่การทะนุถนอม
9. ลองทำดีกับผู้อื่นเหมือนทำดีกับตนเอง เก็บของดีๆ ไว้ให้คนอื่นกิน ของไม่ดีเก็บไว้กินเอง เข้าร้านหนังสือ
ซื้อเล่มเก่าๆ มาอ่านเล่มดีๆ ปล่อยไว้ที่ร้านให้คนอื่นซื้อ ทำอะไรอย่าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตนเอง แต่เก็บสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้คนอื่น
10. เมื่อเจอใครก็ตาม ลองมองหาข้อดีของเขาให้เป็นนิสัย มองไปที่หัวใจของเขาจนเห็นความงดงามภายในใจของเขา
11. เมื่อโกรธลองฝึกรู้ตัวไม่จำเป็นต้องหายโกรธทันที แต่ให้รู้จักหยุดนิ่ง แล้วมองมาที่ใจตนเองมองให้เห็นความชั่วร้าย
น่าเกลียดของตนเองปล่อยวาง แล้วค่อยๆ แก้ไขปรับปรุง แต่อย่าไปรู้สึกอึดอัดกับความไม่ดีของตนเอง
ให้เข้าใจว่า ทุกคนมีข้อดีข้อเสียและเรากำลังฝึกมองตนเองอยู่โดยเฉพาะเวลาโกรธ ขอให้ตระหนักว่า เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการมองตนเอง
12. ให้อภัยผู้อื่น การให้อภัยเป็นการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในจิตใจของเราเอง
เราคือผู้รับประโยชน์ทางตรงส่วนคนที่เราอภัยคือผู้รับประโยชน์ทางอ้อม
ในทางกลับกัน ถ้าเรากักเก็บความโกรธแค้นไว้คนที่เสียประโยชน์คนแรกก็คือเราเพราะเราคือผู้จุดไฟเผาบ้าน
แห่งความสันติภาพของตนเอง จงมองโลกอย่างผู้ตื่น มองด้วยสติปัญญาอย่ามองด้วยอัตตาเราจะเห็นความธรรมดาของตนเอง
และเห็นความธรรมดาของผู้อื่น เราจะเห็นความจริงที่ว่า เรามาอยู่โลกนี้เพียงชั่วคราว และไม่ใช่ใครยิ่งใหญ่ที่ไหนแต่เป็นแค่คนธรรมดา
สุขทุกข์ของเราก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือแตกต่างไปจากใคร แต่เป็นแค่เรื่องธรรมดา มองตนเองให้เล็กเข้าไว้อย่าให้ความสำคัญกับตนเองมากนัก
อยู่อย่างคนธรรมดาคนหนึ่งที่เกิดมาบนโลกอยู่อย่างอ่อนน้อมถ่อมตนต่อโลก สุขบ้าง ทุกข์บ้างก็เข้าใจและเรียนรู้ไป
แม้มีคนอื่นทำเราเสียใจก็ไม่แปลก โลกนี้มีคนเสียใจทุกวัน แค่บังเอิญวันนี้มันเกิดขึ้นกับเราเท่านั้นเอง