6 สัญญาณบอกว่า คุณทำงานที่นี่ 10 ปีก็ไม่รวย

6 สัญญาณบอกว่า คุณทำงานที่นี่ 10 ปีก็ไม่รวย

1. รู้สึกว่าอยู่ต่อไปยังไงก็ไม่โต

ถ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่มีโอกาสก้าวหน้าในที่ทำงานเลย ก็ไม่แปลกที่จะนึกถึงเรื่องหางานใหม่

เพราะโอกาสในการก้าวหน้าคือเป้าหมายสำคัญในการทำงานของมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา

ซึ่งโอกาสในการก้าวหน้าที่หมายถึงอาจไม่ใช่แค่การเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นเพียงอย่างเดียว

แต่มันอาจจะหมายถึงการได้รับโอกาสใหม่ๆ เช่น การได้รับมอบหมายให้ทำโปรเจกต์ใหม่

ได้ทำสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน หรือได้เรียนรู้งานจากระดับหัวหน้างาน

ยังไงก็ตามก่อนที่คุณจะรีบลาออกจากงานด้วยเหตุผลนี้

ลองเข้าไปคุยเรื่องนี้กับหัวหน้างานก่อนจะดีที่สุด

แต่ถ้าคุยแล้วยังดูไม่มีโอกาสล่ะก็ อย่ารอช้าที่จะลาออกมาหาที่ที่ให้โอกาสคุณก้าวหน้ามากกว่านี้

2. พูดคุยเรื่องงานในแง่ลบให้คนในครอบครัวฟัง

ช่วงเวลาสุขสันต์อย่างเวลาทานข้าวกับครอบครัว

จากที่เคยเป็นการพูดคุยเรื่องราวสนุกสนานในที่ทำงานของเรา วีรกรรมน่าสนุกของลูกที่โรงเรียน

และวางแผนไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุดยาว ที่จะมาถึง ถูกแทนที่ด้วยการถูกตำหนิ

และถูกต่อว่าจากที่ทำงานของเราเป็นหัวข้อหลัก แทรกด้วยพฤติกรรมที่ไม่ดีของเพื่อนร่วมงาน

วันแล้ววันเล่าที่คนในครอบครัวของเราได้รับฟังแต่เรื่องงานในเชิงลบ

หากสถานการณ์นี้ยังเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำและมีแนวโน้มว่าจะบ่อยขึ้นเรื่อยๆ

เราอาจต้องเริ่มพิจารณาถึงงานของเราอย่างจริงจังมากขึ้นแล้ว

3. เบื่อและไม่อยากทำงาน

ภาพที่ทุกคนจำได้ว่าเราคือเบอร์หนึ่งในแผนกหายไป

ทุกวันนี้แค่จะเข็นให้งานเสร็จสักชิ้นในแต่ละสัปดาห์ยังยากเลย เพราะเราเริ่มเช็กโซเชียลทุกๆ สิบนาที

การทำงานกลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่คิดถึง หมดความกระตือรือร้นและเบื่อหน่ายอยู่ตลอดเวลา

งานที่ได้รับมอบหมายมาถูกปล่อยค้างเอาไว้ ซึ่งนอกจากกระทบต่องานของตัวเองแล้ว

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ยังส่งผลให้เริ่มมีปากเสียงกับเพื่อนร่วมงาน

เนื่องจากงานของเราช้าเกินกำหนดกระทบต่อระบบการทำงานในแผนก

หนักกว่านั้นคือการทะเลาะกับหัวหน้าจนทำให้รู้สึกว่า เราไม่สามารถควบคุมอะไรในการทำงานได้เลย

4. คิดถึงภาพตอนเกษียณ

ถ้าอยู่ๆ ก็จินตนาการภาพตัวเองปลดเกษียณ หยุดทำงานและนอนพักผ่อนอยู่บ้าน

บางคนถึงขั้นนับปี นับเดือน นับวันที่จะเกษียณจากงานที่ทำอยู่ตอนนี้เลย

เพราะในแต่ละวันนั้นไม่ได้มีแรงจูงใจให้อยากไปถึงที่ทำงาน

ไม่ได้มี Passion ที่อยากจะสร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่าออกมา

ชีวิตการทำงานหมดไปกับงานที่ทำแบบส่งๆ เท่านั้น ก็อาจจะถึงเวลาที่เราต้องเริ่มมองหาทางใหม่ๆ ได้แล้ว

เพราะการนิ่งดูดายต่อเวลาที่ผ่านไปแบบนี้ ไม่สามารถช่วยให้ความหวังที่จะเกษียณเป็นจริงได้แน่นอน

5. เริ่มมองหางานใหม่

ถ้าเว็บที่เราเข้าเริ่มเปลี่ยนเป็นเว็บไซต์หางาน เริ่มพิมพ์คำว่า “หางาน”

ลงไปใน Search Engine พร้อมเคาะปุ่มเอ็นเทอร์

นั่นเท่ากับว่าเราผ่านจุดสุดท้ายของความอดทนในงานปัจจุบันไปแล้ว และหากทุกวันมีแต่คำว่า

“ฉันจะหางานใหม่” แวบเข้ามาในความคิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

อาจไม่เป็นการดีที่เราจะใช้ชีวิตด้วยการทนทำงานที่ไม่สร้างความสุขแบบนี้ต่อไป

ซึ่งนอกจากจะเป็นผลเสียต่อตัวเองแล้ว ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน รวมถึงบริษัทก็ต่างได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน

6. ระบบชีวิตพัง

จากที่เคยเป็นคนนอนหลับง่าย กลายเป็นคนนอนไม่หลับ ตื่นมากลางดึกบ่อยๆ

เพราะต้องเก็บเอาความเครียดจากเรื่องงานไปนอนฝัน นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบชีวิตที่แปรปรวน

หนำซ้ำบางคนจากที่เคยสุขภาพ แข็งแรงกลับมีอาการป่วยบ่อยขึ้น

ซึ่งการป่วยทางกายนี่แหละที่เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งได้เช่นกันว่าสุขภาพจิต

ของเราอาจจะกำลัง แย่ไปด้วยนอกจากนี้หากงานรบกวนความคิดจนทำให้ทุกๆ เย็น

ต้องนัดเพื่อนออกไปสังสรรค์เพื่อให้หายเครียด จนเริ่มมีสโลแกนติดปากในหมู่เพื่อนว่า

“ดื่มเพื่อให้ลืมงาน” ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นแล้วว่างานนี้อาจจะไม่เหมาะกับเราอีกต่อไป

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ถึงจะรู้สึกว่ามีหลายสัญญาณที่ตรงกับเราแล้ว

ก็อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจลาออกจากงาน ทางที่ดีกว่าคือการเริ่มตรวจสอบตัวเอง

พิจารณาว่าเรากำลังเผชิญกับปัญหาอะไร เราแก้ไขให้มันดีขึ้นได้ไหม

เพราะหากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุจากตัวเราเอง

ไม่ว่าจะเปลี่ยนงานอีกกี่แห่งปัญหานี้ก็ไม่หายไป ค่อยๆ วางแผนและตัดสินใจอย่างรอบคอบ

เชื่อว่าทุกคนสามารถกลับมามีความสุข สร้างสมดุลทั้งชีวิตและการงานในอนาคตได้อย่างแน่นอน